อย่างแรกเลย ระบบการเรียนการสอน ขอบอกเลยว่าเราจำไม่ได้เพราะมันซับซ้อนจริงๆ มันมีอนุบาลไปประถม ประถมไปมัธยมแล้วตอนมัธยมจะแบ่งย่อยๆไปอีกมากมายหลายอย่าง แล้วพอเข้ามหาลัยก็จะแบ่งอีกที เพราะงั้นเราเลยเอารูปมาแปะ แล้วเขียนอธิบายนิดหน่อยเผื่อใครงง
อันนี้คือแผนผังของระบบการศึกษาเยอรมัน ตัวเลขด้านล่างเป็นอายุ ด้านบนเป็นเกรด
ช่องเขียว : เป็นชั้นอนุบาล เรียนก็ได้ไม่เรียนก็ได้ ไม่มีอะไรมาก
ช่องส้ม : เป็นชั้นประถม เรียนถึงเกรด 5 หรือก็คือป.5 ไม่มีอะไรมากเหมือนกัน
ช่องฟ้า : Gesamtschule เป็นโรงเรียนที่ดีเป็นอันดับ2 การเรียนการสอนจะเหมือนเอาทุกประเภทมารวม
กัน เด็กที่นี่จะเลือกเปลี่ยนประเภทโรงเรียนได้ถ้าไม่ชอบ
Gymnasium เป็นประเภทที่ดีที่สุด อารมณ์เหมือนมัธยมทั่วๆไปนี่แหละ มีถึงเกรด12 บางรรก็13
Realschule เน้นฝึกภาคปฏิบัติ
Hauptschule เน้นฝึกปฏิบัติเหมือน Realschule เลย แต่เกรดโรงเรียนจะแย่กว่า Realschule
*หมายเหตุ โฮสแม่เราบอกว่าคนจาก Hauptschule กับ Realschule จะย้ายมา Gymnasium ก็ได้แต่ต้อง
เรียนที่โรงเรียนเดิมให้จบก่อนแล้วค่อยย้ายมา พอย้ายแล้วจะเรียนเกรด 10 พูดง่ายๆคือ
เรียนซ้ำรอบ 2 แต่เรียนยากกว่าเดิม เพื่อนเราคนนึงก็ย้ายมาจาก Gesamtschule
ช่องม่วง : อันบนสุด เป็นมหาวิทยาลัย คนที่จะเรียนได้ต้องมาจาก Gymnasium หรือ Gesamtschule
เท่านั้น เวลาจะยื่นเข้าเค้าจะใช้เกรด Abitur มันเป็นการสอบที่มาตรฐานเท่ากันทั้งประเรทศ
แต่ละคนเลือกวิชาที่จะสอบ 4 วิชา มหาลัยจะดูเกรดอันนี้กับเกรดที่รรคู่กันไป ประเภทมหาลัย
ก็จะมีแบ่งย่อยๆอีก
อันที่เหลือ เป็นสายอาชีพ เราไม่ค่อยเข้าใจตัวนี้เหมือนกันว่าแต่ละอันต่างกันยังไง
ปล. บางครั้งครูที่เป็นคนสอนตอนประถมจะเป็นคนแนะนำให้นักเรียนว่าควรเรียนโรงเรียนประเภทไหน
ก็มีทั้งดูจากเกรดไม่ก็ดูนิสัยเอา
ปล.2 อันนี้ฟังโฮสอธิบายมา บางอันอาจจะฟังผิดก็ได้
ของที่ต้องเตรียมไปรร 1. ดิกชันนารี ไทย-เยอรมัน ไม่ก็ อังกฤษ-เยอรมัน!! ตอนแรกเรากะจะใช้มือถือเอา
แต่รรที่นี่ห้ามใช้มือถือ! ชีวิตเรารันทดมากเพราะไม่ได้เอามา เรียนไม่รู้เรื่องเลย
2. แฟ้ม เอาแฟ้มแบบมีรูอ่ะ เรียกไม่ถูกเหมือนกัน ถ้าซื้อแบบนี้มาก็ใช้วิชาละอัน
บางคนเห็นใช้คล้ายๆแฟ้มตราช้างอันใหญ่ๆ ใส่รวมทุกวิชาเลย
3. สมุดจดแบบฉีกกระดาษออกได้ เอาแบบที่เป็นเส้นกราฟกับที่เว้นบรรทัดปกติ
4. วิชาพละบางรรจะเรียนในโรงยิม รรเราเค้าบังคับให้ใช้รองเท้าพื้นเหลือง เรา
ไม่มีและไม่อยากซื้อใหม่เลยยืมโฮสเอา
5. เราเรียนวิชาศิลปะเลยต้องใช้สีไม้ แต่ไม่ได้เอามาจากไทย(เอาไรมาบ้างวะ
เนี่ย) เราเลยต้องซื้อใหม่และมันหายากมาก(เราถึงขั้นต้องนั่งรถไฟเข้าเมือง55)
ราคาแพงมาก 24 สี 720บาท สีไม้ระบายน้ำ Faber castell เอามาจากไทยเหอะ
6. เครื่องเขียนบางอย่าง คุณภาพเราว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ราคานี่ต่างกัน2เท่า
ยางลบงี้ ก้อนละ60บาท ไส้ดินสอ70บาท แต่บางอย่างถูกกว่าไทยก็มี
7. คนที่นี่เค้าใช้ปากกาหมึกซึมlamy ถ้าอยากซื้อบ้างมาซื้อที่นี่เลย เพราะ lamy
เป็นของเยอรมัน
8. เอาเครื่องคิดเลขแบบคิดเป็นสมการได้มาด้วย
การบ้าน : ที่นี่จะไม่ค่อยมีการบ้านเท่าไหร่ คนปกติเค้าใช้เวลาทำกันครึ่งชม แต่เนื่องจากเราไม่เข้าใจ
ภาษาอันแสนจะซับซ้อนของที่นี่ เราเลยใช้เวลาไปประมาณ1-2ชม!!ที่เราทำก็มีอังกฤษกับ
เยอรมันเสริม ที่จริงการบ้านเยอรมันเสริมเราก็ทำไม่ได้แหละแต่ครูเค้าดุจริงและไม่ยอม
เราเลยต้องเอาไปให้โฮสช่วยดู พอโฮสดูเท่านั้นแหละ....โฮสบอกการบ้านแบบนี้เอาไปให้โฮส
พี่สาวช่วยไม่ได้นะ โฮสพี่ไม่เข้าใจแน่ๆ (กรรม คนเยอรมันเองยังไม่เข้าใจเลย555) การบ้าน
ปกติก็จะเป็น ไปอ่านบทความนี้มาแล้วสรุป วิเคราะห์สาเหตุ ข้อดี ข้อเสีย แสดงความคิดเห็น
คาบถัดมาก็จะมาแชร์ความคิดกับเพื่อน ขอบอกเลยว่าถึงเป็นภาษาไทยยังแทบจะทำไม่ได้555
เราไม่รู้โรงเรียนอื่นเป็นงี้รึเปล่านะ แต่ของเราเป็นงี้
การเรียนการสอน : สำหรับโรงเรียนเรานะ เดินเรียนจ้าาาาา เราเลือกวิชาที่จะเรียนเองได้ เพราะงั้น
แต่ละคนก็มีวิชาเรียนไม่เหมือนกัน ถึงเลือกวิชาเดียวกับเพื่อนก็ใช่ว่าจะได้เรียน
ด้วยกันนะเพราะมีครูหลายคน เพราะงั้นเลยเปลี่ยนเพื่อนทุกคาบ😢 แต่เห็นบางรร
ล้อกวิชาเรียนมาให้แล้วนะ อันนี้ก็หาเพื่อนง่ายหน่อย หนังสือเรียนก็ยืมของรรเอา
เวลาเรียนในห้องครูจะชอบถามคำถามแล้วเด็กจะแย่งกันตอบ เค้าไม่กลัวตอบผิด
ขอให้ได้ตอบก็พอ(เป็นไงล่ะ ตรงข้ามกับไทย) เพราะมันมีคะแนนในห้อง50คะแนน
คนที่ตอบบ่อยก็จะได้เกรดดีไป แล้วก็จะมีช่วงสอบใหญ่ ทุกวิชาจะสอบใกล้ๆกัน แต่
ครูเค้าจะพยายามให้วันไม่ซ้ำกัน คือเค้าถามเด็กนักเรียนว่าอยากสอบวันไหนและ
วันนี้มีสอบวิชาอื่นมั้ย(ต้องตกลงกันดีๆเพราะตารางเรียนไม่เหมือนกัน) เกรดก็จะรวม
คะแนนตอบคำถามในห้อง คะแนนสอบย่อย สอบใหญ่ การบ้าน ที่นี่มีเกรด1 ถึง
เกรด6 เกรด1คือดีสุด เกรด5กับ6 คือสอบตก ต้องสอบซ่อม ถ้าซ่อมแล้ว
ยังตกอีกก็ไม่มีสอบแก้แล้ว ถ้าได้เกรด5หรือ6 อย่างน้อย2วิชาต้องซ้ำชั้น
สอบ : ที่นี่จะเป็นสอบข้อเขียน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสอบการวิเคราะห์บทความ สรุป แสดงความคิดเห็น
คือสอบเหมือนการบ้านที่ทำนี่แหละแค่เปลี่ยนบทความที่อ่าน เวลาสอบต้องใช้สมุดอีกแบบนึง
เปิดสมุดมาแล้วพับครึ่งกระดาษ(ครึ่งแบบแบ่ง ซ้าย ขวา) ตอนเขียนก็เขียนแค่ฝั่งเดียว อีกฝั่งครูจะ
เอาไว้ตรวจให้คะแนนและเขียนคอมเม้น
ประสบการณ์การสอบเล็กๆน้อยๆ :
นี่เป็นหนึ่งในการสอบที่ห่วยแตกที่สุดในชีวิต นั่นคือ! สอบภาษาเยอรมัน! (แค่ได้ยินชื่อก็หนาว
แล้ว) บอกเลยว่า ทำไม่ได้555 ก็อย่างที่บอกไปว่าที่นี่ข้อเขียนล้วนจ้า สอบเขียนแสดงความคิดเห็น
และวิเคราะห์บทความที่ให้ แหม่ ภาษาเยอรมันเราก็ดี้ดีเนาะ อ่านบทความที่ให้มายังไม่รู้เรื่อง
เลยครู นั่นไงประเด็น อ่านไม่รู้เรื่องแล้วจะไปวิเคราะห์ได้ไงวะเห้ย เราเห็นคนอื่นเขียนกันเป็น
หน้าๆ พอมาดูตัวเองแล้ว....กระดาษว่างเปล่า555 แต่จะให้ส่งกระดาษเปล่าก็ยังไงอยู่ ดังนั้น!
เราจึงจัดให้ 2 บรรทัดเป็นภาษาไทย555 (บอกเลยว่าขำตัวเองมากๆ)
บรรทัดแรก : "อ่านไม่รู้เรื่องค่ะ ขอบคุณค่ะ"
บรรทัดสอง : "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก"
*เราเคยเห็น"เมตตาธรรมค้ำจุนโลก"ในเน็ตและอยากลองทำมานานแล้ว555
บอกเลยว่าอินดี้มาก555 เป็นอะไรที่พีคมาก ไปเล่าให้เซรีน่าฟัง(ลูกครึ่งไทย)มันขำใหญ่ เพราะงั้น
ใครอยากทำอะไรบ้าๆ เขียนด่าครู แต่งกลอนส่งไป นี่แหละโอกาสที่มีเฉพาะสำหรับเด็กแลกเปลี่ยน
เขียนบ้าไรไปก็ได้ ไม่มีใครอ่านออก555
จบๆ ปญอ.มาพอแล้ว มาดูรูปๆ
รองเท้าพื้นคล้ายๆหยั่งงี้
แฟ้มแบบมีที่ใส่รูอ่ะ แบบด้านซ้ายแฟ้ม
อันนี้เป็นกระดาษแบบฉีกข้าง
เครื่องคิดเลขแบบนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น